วันอังคารที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2559

เฟ้นครูรับรางวัลคุรุสภา

           



              คุรุสภากำหนดดำเนินการคัดเลือกผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ที่ปฏิบัติตนตามมาตรฐานและจรรยาบรรณวิชาชีพดีเด่น สร้างคุณประโยชน์ในด้านการศึกษา เพื่อรับ “รางวัลคุรุสภา” ประจำปี พ.ศ. 2559 จำนวน 9 รางวัล ประกอบด้วย ครู 5 รางวัล ผู้บริหารสถานศึกษา 2 รางวัล ผู้บริหารการศึกษา 1 รางวัล ศึกษานิเทศก์ 1 รางวัล เพื่อรับรางวัลในวันครูที่ 16 มกราคม 2560 ผู้ขอรับรางวัลจะต้องเป็นผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาที่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพตามพระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2546 มีระยะเวลาในการปฏิบัติงานตามตำแหน่งที่ขอรับรางวัลเป็นเวลาต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 5 ปี ปฏิบัติงานและปฏิบัติตนตามมาตรฐานวิชาชีพและจรรยาบรรณของวิชาชีพ ไม่เคยถูกลงโทษทางวินัย และต้องไม่เคยได้รับรางวัลคุรุสภาในประเภทเดียวกันมาก่อน การเสนอผลงาน ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาจะต้องกรอกข้อมูลและรายงานผลงานตามแบบขอรับการคัดเลือกเพื่อรับรางวัลคุรุสภาประจำปี พ.ศ.2559 ให้ครบทุกข้อ โดยใช้กระดาษขนาด A4 ไม่เกิน 100 หน้าจำนวน 2 เล่ม และยื่นส่งผลงานภายในวันที่ 15 กันยายน 2559 ดังนี้ 1.ผู้ประกอบวิชาชีพครู ผู้บริหารสถานศึกษา และศึกษานิเทศก์ ในระดับเขตพื้นที่การศึกษาทั้งของรัฐและเอกชน ให้ยื่นส่งผลงานที่จุดบริการงานคุรุสภา ณ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาที่ตนปฏิบัติงานอยู่ 2.ผู้ประกอบวิชาชีพครู ผู้บริหารสถานศึกษา และศึกษานิเทศก์ สังกัด สอศ. กศน. กทม. กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น การศึกษาพิเศษ สคบศ. วิทยาลัยชุมชน สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ สถาบันการพลศึกษา และ สช. (เฉพาะที่ปฏิบัติงานใน กทม.) ให้ยื่นผลงานไปยังหน่วยงานต้นสังกัด 3.ผู้บริหารการศึกษาให้ยื่นผลงานไปยังหน่วยงานต้นสังกัด การดำเนินการคัดเลือก ภายหลังจากที่หน่วยงานต่างๆ ส่งผลการคัดเลือกมายังสำนักงานเลขาธิการคุรุสภาแล้ว คณะกรรมการจะพิจารณาคัดเลือกจากผลงานที่เสนอให้เหลือจำนวน 27 คน แบ่งเป็นครูจำนวน 15 คน ผู้บริหารสถานศึกษาจำนวน 6 คน ผู้บริหารการศึกษาจำนวน 3 คน และศึกษานิเทศก์จำนวน 3 คน และคณะกรรมการฯ จะเดินทางไปประเมินผลงานตามสภาพจริง ณ สถานที่ปฏิบัติงาน เพื่อคัดเลือกผู้ที่สมควรได้รับรางวัลคุรุสภา ระดับดีเด่นจำนวน 9 คน เพื่อรับรางวัลเข็มทองคำ “คุรุสภาสดุดี” เกียรติบัตรและเงินรางวัลตามที่มูลนิธิรางวัลคุรุสภาจะพิจารณากำหนด ผู้ที่สนใจสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม และดาวน์โหลดแบบขอรับการคัดเลือกเพื่อรับรางวัลคุรุสภาประจำปี 2559 ทางเว็บไซต์คุรุสภา www.ksp.or.th ขอบคุณที่มาจาก หนังสือพิมพ์บ้านเมือง วันที่ 31 สิงหาคม 2559
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : http://www.kroobannok.com/article-79919-เฟ้นครูรับรางวัลคุรุสภา.html

เกร็ดน่ารู้ในชีวิตประจำวัน ที่คุณต้อง...!!!

 ภัยร้ายมันฝรั่งทอด
มันฝรั่งทอด คุกกี้กรอบๆ หรือขนมสำเร็จรูปในถุงสวยๆ ทั้งหลาย ไม่ได้ทำให้อ้วนหากออกกำลังกายสม่ำเสมอ และควบคุมปริมาณอาหารที่กินในแต่ละวัน แต่อาหารเหล่านี้เต็มไปด้วยไขมันชนิดที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ทำให้มีโอกาสเป็นโรคหัวใจและโรคมะเร็งมากขึ้น...
ที่มา : Are You Getting Enough Fat?" By Colleen Pierre, R.D. Reader''s Digest, 2001 



 ผลข้างเคียงของยาคุมกำเนิด
ยาคุมกำเนิด ทำให้กระดูกบางลงได้ นำไปสู่ปัญหากระดูกพรุน เมื่อแก่ตัวลง ดังนั้นหากจำเป็นต้องกินหรือฉีดยาเหล่านี้ ก็อย่าลืมหมั่นกินอาหารที่มีแคลเซียมสูง เช่น ผักใบเขียวเข้ม ปลาเล็กปลาน้อย ฯลฯ หรือทานแคลเซียมเสริมไว้ด้วย...
ที่มา : Canadian Medical Association Journal, October 2001 


 ผู้หญิงชอบดื่มพึงระวัง
คุณผู้หญิงที่ชอบดื่มพึงระวังเพราะร่างกายคุณ จะซึมซับแอลกอออล์ได้เร็วกว่าผู้ชาย ( เมาเร็วกว่า) แล้วคุณยังมีโอกาสเป็นมะเร็งเต้านม ได้ง่ายกว่าคนที่ไม่ดื่มถึง 50% แถมยังกระดูกเปราะกว่ากันมาก เพราะเหล้าจะเข้าไปทำลายเนื้อกระดูก(bone mass) ของคุณ... 
ที่มา : Rethinking Drinking" Reader''s Digest, December 2001 
ทานกะหล่ำปลีดิบมีพิษนะ
ในกะหล่ำปลีดิบจะมีสารพิษที่เรียกว่า กอยโตรเจน (Goibrogen) ซึ่งเป็นสารที่จะไปกันไม่ให้ต่อมไทรอยด์จับไอโอดีน ไปสร้างเป็น ฮอร์โมนไทร๊อกซิน (Thyroscine) ได้ ซึ่งผลที่เกิดขึ้นคือ จะทำให้เกิดเป็นโรคคอหอยพอก แต่สารพิษเหล่านี้จะถูกทำลายได้ โดยการต้ม จึงควรรับประทานกะหล่ำปลีสุก จะดีกว่ากะหล่ำปลีดิบ

 ถั่วงอกดิบมีโทษ
ในผักสดบางชนิดมีสารพิษที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เช่น ในถั่วงอก มีสารพิษพวกที่เรียกว่าไฟเตต ซึ่งเมื่อกินเข้าไปจะ ไปจับแร่ธาตุบางชนิดที่อยู่ในอาหาร ทำให้ร่างกายไม่สามารถดูดซึมแร่ธาตุเหล่านั้นเข้าร่างกาย ร่างกายจะเป็นโรคขาดแร่ธาตุ สารพิษเหล่านี้สามารถทำลายได้โดยการต้ม จึงควรรับประทานถั่วงอกสุขดีกว่าถั่วงอกดิบ 
 วิธีชะลอความแก่ 7 ประการ
เรื่องความชราที่มาเยือนนั้นเป็นไปตามวัยก็จริง แต่หนุ่มสาวสมัยนี้กลับ "แก่ก่อนวัย" ถึงเป็นที่มาของความเชื่อที่ว่า "ทุกอย่างนั้นอยู่ที่ใจ" เคล็ดลับเหล่านี้ได้จาก น.พ.พั นธ์ศักดิ์ ศุกระฤกษ์ สูตินารีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ 
  • ๑.ต้องไม่อยากแก่... ต้องตั้งใจคงความเป็นหนุ่มเป็นสาวเอาไว้ และต้องปฏิบัติควบคู่ไปทั้งร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ 
  • ๒.มีใจเป็นหนุ่มสาว.. คือ รักอิสระ มองโลกในแง่ดีและที่สำคัญมีความหวังเสมอ หรือการคบเพื่อนที่อายุน้อยกว่าก็เป็นวิธีการที่ดี 
  • ๓.ลดความเครียด.. เลิกเอาคิ้วผูกโบได้แล้ว ลองยิ้มให้มากขึ้น ถ้าไม่รู้จะยิ้มอย่างไรก็ลองยิ้มกับกระจกเงาที่บ้านดูสิ 
  • ๔.ออกกำลังกายสม่ำเสมอ.. ออกกำลังการอย่างน้อย 15 นาทีจะดี 
  • ๕.กินอาหารต้านชรา.. พยายามเลือกอาหารที่มีประโยชน์กับร่างกาย เช่น พืชผักผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ 
  • ๖.นอนหลับเพียงพอ.. เราควรจะนอนให้เพียงพอกับร่างกาย ที่ดีที่สุดควรนอนก่อนสี่ทุ่มจะดีที่สุด 
  • ๗.ความรัก.. ความรักเท่านั้นที่จะช่วยให้คนสดชื่น กระชุ่มกระชวย ทั้งความรักของคนหรือสัตว์ ก็จะช่วยให้เราหัวใจเบิกบาน
 อาหารต้านมะเร็ง 5 ประการเพื่อการป้องกัน 

1. รับประทานผักตระกูลกะหล่ำให้มาก เช่น กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก ผักคะน้า หัวผักกาด บรอคโคลี่ ฯลฯ เพื่อป้องกัน โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ ลำไส้ส่วนปลาย กระเพาะอาหาร และอวัยวะระบบทางเดินหายใจ
2. รับประทานอาหารที่มีกากมาก เช่น ผัก ผลไม้ ข้าว ข้าวโพด และเมล็ดธัญพืชอื่น ๆ เพื่อป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่
3. รับประทานอาหารที่มีเบต้าแคโรทีน และไวตามินเอสูง เช่น ผัก ผลไม้สีเขียว-เหลือง เพื่อป้องกันมะเร็งหลอดอาหาร กล่องเสียง และปอดำ
4. รับประทานอาหารที่มีไวตามินซีสูงเช่น ผัก ผลไม้ต่างๆ เพื่อป้องกันมะเร็งหลอดอาหาร และกระเพาะอาหาร
5. ควบคุมน้ำหนักตัว..โรคอ้วนมีความสัมพันธ์กับโรคมะเร็ง เช่น มดลูก ถุงน้ำดี เต้านม และลำไส้ใหญ่ 



ลองทำทานกันดูนะ เพื่อสุขภาพ


           6 สูตรน้ำสลัดโรลง่าย ๆ ทำเองจิ้มเองอร่อยเอง


สูตรน้ำสลัดโรล
          รวมเด็ดสูตรน้ำสลัดโรล วิธีทำน้ำจิ้ม 6 สไตล์สำหรับเมนูสลัดโรลที่กำลังเป็นอาหารลดน้ำหนักสุดฮอต แต่ละสูตรเน้นทำง่าย แคลอรีต่ำ ดีต่อสุขภาพ หุ่นเฟิร์มไปอีก

          เมนูสลัดโรล หรือสลัดม้วน อาหารลดน้ำหนักสุดฮิป เช่น สลัดโรลทูน่า สลัดโรลปูอัด แม้สลัดโรลราคาจะแพงแต่เพื่อสุขภาพก็ยอมจ่าย ส่วนใหญ่วิธีทําสลัดโรลแทบทุกร้านก็เหมือน ๆ กันคือใช้ผักสลัด เครื่องเคียงต่าง ๆ และแป้งห่อสลัดโรล ถ้าอยากทำเองก็ไม่ยากเย็นอะไร แต่ที่ยากอยู่ที่น้ำจิ้มสลัดโรลหาอร่อยยากนี่แหละ กระปุกดอทคอมขอนำเสนอ 6 เมนูน้ำสลัดโรล ได้แก่ น้ำสลัดโรลซีฟู้ด น้ำสลัดโรลวาซาบิ (สูตรใช้วาซาบิสด) น้ำสลัดโรลวาซาบิ (สูตรใช้ผงวาซาบิ) น้ำสลัดโรลซีอิ๊วญี่ปุ่น น้ำสลัดโรลงาขาวข้น และน้ำสลัดโรลซอสถั่วสไตล์เวียดนาม มีให้เลือกทั้งน้ำจิ้มสูตรเผ็ดและสูตรหวานหอม สลัดโรลพร้อม น้ำจิ้มพร้อม ใครอยากอร่อยเคี้ยวเลย

สูตรน้ำสลัดโรล

1. น้ำสลัดโรลซีฟู้ด

          สำหรับคนชอบน้ำจิ้มสูตรเผ็ดสไตล์ไทย อยากให้ลองทำเมนูน้ำสลัดโรลซีฟู้ด สูตรนี้เด็ดตรงที่นำส่วนผสมทั้งหมดไปปั่นจนละเอียด ใส่มายองเนสเพิ่มรสชาติหวานอมเปรี้ยว ถ้าได้จิ้มกับสลัดโรลหน่อยรับรองเคี้ยวเพลินจนหยุดไม่ได้

ส่วนผสม น้ำสลัดโรลซีฟู้ด

          • พริกขี้หนูสวน 10-15 เม็ด
          • กระเทียมไทย 5 กลีบ (ปอกเปลือกออก)
          • รากผักชีซอย 1 ราก
          • น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
          • เกลือปลายช้อน
          • น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
          • มายองเนส 2 ช้อนชา

วิธีทำน้ำสลัดโรลซีฟู้ด


          • 1. ปั่นพริกขี้หนู กระเทียม รากผักชี และเกลือให้ละเอียดเข้ากัน

          • 2. ใส่น้ำมะนาวและน้ำตาลทรายลงไปคนผสมให้เข้ากัน

          • 3. สุดท้ายใส่มายองเนสลงไปผสมให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ 

++++++++++++++++++++

สูตรน้ำสลัดโรล
2. น้ำสลัดโรลวาซาบิ (สูตรใช้วาซาบิสด)

          เอาใจคนชอบกลิ่นอายญี่ปุ่นกันด้วยเมนูน้ำสลัดโรลวาซาบิ สูตรนี้ใช้วาซาบิสด มีรสเปรี้ยวจากน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิล ใช้ความหวานจากนมข้นหวานและน้ำตาลทราย ปรุงรสเค็มด้วยเกลือ กินคู่กับสลัดโรลแต่ละคำรสเผ็ดขึ้นจมูกโดนใจจริง ๆ 

ส่วนผสม น้ำจิ้มสลัดโรลวาซาบิ

          • น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิล 100 มิลลิลิตร
          • น้ำตาลทราย 100 กรัม
          • เกลือ 1/2 ช้อนโต๊ะ
          • น้ำมันมะกอก 250 มิลลิลิตร
          • นมข้นหวาน 60 มิลลิลิตร
          • วาซาบิสด 1/8 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำน้ำจิ้มสลัดโรลวาซาบิ

          • 1. ใส่น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิล น้ำตาลทราย และเกลือ คนผสมจนเป็นเนื้อเดียวกัน

          • 2. เทน้ำมันมะกอกลงไป คนผสมเร็ว ๆ จนน้ำมันเป็นเนื้อเดียวกัน

          • 3. เติมนมข้นหวานและวาซาบิสดลงไปคนผสมให้เข้ากัน 

          • 4. ตักใส่ถ้วย เสิร์ฟพร้อมผักสลัด หรือเก็บใส่ขวดที่มีฝาปิดมิดชิด สามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้นาน 20 วัน

++++++++++++++++++++

สูตรน้ำสลัดโรล

3. น้ำสลัดโรลวาซาบิ (สูตรใช้ผงวาซาบิ)

          ผงวาซาบิที่เก็บไว้จนลืมลองหยิบเอามาทำเมนูน้ำสลัดโรลวาซาบิสูตรนี้กันเลย ส่วนผสมมีแค่ 2 อย่าง ได้แก่ ผงวาซาบิ มายองเนส คนผสมให้ละลายด้วยน้ำอุ่น เสิร์ฟกับสลัดโรลก็อร่อย หรือกินกับปูอัดก็ได้ค่ะ

ส่วนผสม น้ำจิ้มสลัดโรลวาซาบิ

          • ผงวาซาบิ 1/4 ช้อนชา
          • น้ำอุ่น
          • มายองเนส 3 ช้อนโต๊ะ 

วิธีทำน้ำสลัดโรลวาซาบิ

          • 1. ผสมผงวาซาบิกับน้ำอุ่นเข้าด้วยกัน คนผสมจนผงวาซาบิละลาย

          • 2. เติมมายองเนสลงไปคนให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ

++++++++++++++++++++

สูตรน้ำสลัดโรล

4. น้ำสลัดโรลซีอิ๊วญี่ปุ่นน้ำใส

          เมล็ดงานอกจากเอาไว้โรยข้าวเพิ่มคุณค่าแล้วยังเอามาทำเมนูน้ำสลัดโรลซีอิ๊วญี่ปุ่นได้อีกด้วย นอกจากใส่งาขาวแล้วยังเพิ่มความหอมจากน้ำมันงาอีกด้วย สำหรับใครที่ชอบรสเผ็ดใส่วาซาบิสดเพิ่มก็ได้ค่ะ บ้านใครมีงาหยิบออกมารอเลย 

ส่วนผสม น้ำสลัดโรลซีอิ๊วญี่ปุ่นน้ำใส

          • น้ำเปล่า 230 มิลลิลิตร
          • น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิล 150 มิลลิลิตร
          • น้ำตาลทราย 150 กรัม
          • เกลือ 1/4 ช้อนโต๊ะ
          • งาขาวคั่วตามชอบ
          • วาซาบิสด 1/4 ช้อนโต๊ะ
          • ซอสโชยุญี่ปุ่น 125 มิลลิลิตร
          • น้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะ
          • น้ำมันงา 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำน้ำสลัดซีอิ๊วญี่ปุ่นงาน้ำใสน้ำใส

          • 1. เทน้ำเปล่า ตามด้วยน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิล น้ำตาลทราย และเกลือลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟ เคี่ยวให้เข้ากันจนเดือด

          • 2. ยกออกจากเตา เทใส่อ่างผสมแล้วพักไว้จนเย็น

          • 3. เทใส่ภาชนะ ใส่งาขาว ตามด้วยวาซาบิลงไปคนให้เข้ากัน จากนั้นเติมซอสโชยุ น้ำมันมะกอก และน้ำมันงา คนผสมให้เข้ากันอีกครั้ง

          • 4. ตักใส่ถ้วย เสิร์ฟพร้อมผักสลัด หรือเก็บใส่ขวดที่มีฝาปิดมิดชิด สามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้นาน 20 วัน

++++++++++++++++++++

สูตรน้ำสลัดโรล
5. น้ำจิ้มสลัดโรลงาขาวข้น

          หลายคนคงคุ้นเคยกับน้ำสลัดซีอิ๊วญี่ปุ่นงาน้ำใส หรือน้ำจิ้มสลัดโรลซีอิ๊วญี่ปุ่น ถ้าอยากเปลี่ยนแนวอยากให้มาลองเมนูน้ำจิ้มสลัดโรลงาขาวข้น สูตรนี้ใส่ไข่แดงลงไปเพื่อให้เป็นน้ำข้น เพิ่มความเค็มจากโชยุ ใส่น้ำส้มสายชูเพิ่มรสเปรี้ยว ใครไม่เคยกินต้องลองค่ะ  

ส่วนผสม น้ำจิ้มสลัดโรลงาขาวข้น

          • น้ำมันมะกอก 1/2 ถ้วยตวง
          • โชยุ 1 ช้อนโต๊ะ
          • น้ำส้มสายชู 2 ช้อนโต๊ะครึ่ง
          • ไข่แดง 1 ฟอง
          • น้ำมันงา 1/2 ช้อนโต๊ะ
          • น้ำเชื่อม 1 ช้อนโต๊ะครึ่ง
          • งาขาวคั่ว 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำน้ำจิ้มสลัดโรลงาขาวข้น

          • 1. ปั่นผสมน้ำมันมะกอก โชยุ น้ำส้มสายชู ไข่แดง น้ำมันงา และน้ำเชื่อมให้ส่วนผสมเข้ากัน

          • 2. เทใส่ถ้วย โรยด้วยงาขาวคั่ว พร้อมรับประทาน

++++++++++++++++++++

สูตรน้ำสลัดโรล
ภาพจาก howdoesshe.com

6. น้ำสลัดโรลซอสถั่วสไตล์เวียดนาม
          สำหรับคออาหารเวียดนามต้องถูกใจสูตรน้ำสลัดโรลซอสถั่วสไตล์เวียดนามแน่นอน สูตรจากhowdoesshe.com นี้มีความหอมของเนยถั่ว ใส่ซอสฮอยซินรสเค็มอมหวาน เพิ่มความเผ็ดจากซอสพริกเล็กน้อย อ้ำ… จิ้มกับสลัดโรลอร่อยโดนใจเลยค่ะ  

ส่วนผสม ซอสถั่ว

          • เนยถั่ว 3/4 ถ้วย
          • น้ำเปล่า 1/3 ถ้วย
          • ซอสฮอยซิน (Hoisin Sauce) 3 ช้อนโต๊ะ (ซอสที่นิยมไว้กินกับเฝอ)
          • น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
          • ซีอิ๊วขาว 4 ช้อนชา + 1/2 ช้อนชา
          • น้ำตาลทราย 1-2 ช้อนโต๊ะ
          • ซอสพริก 2 ช้อนชา+1/4 ช้อนชา
          • กระเทียมสับ 1 หัว
          • น้ำมันงา 1/2 ช้อนชา

วิธีทำสลัดโรลกับซอสถั่ว


          • ปั่นผสมเนยถั่ว น้ำเปล่า ซอสฮอยซิน น้ำมะนาว ซีอิ๊วขาว น้ำตาลทราย กระเทียมสับ ซอสพริก และน้ำมันงาให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ 

          เพื่อน ๆ ที่อยากทำเมนูสลัดโรลกินเองในวันหยุด ต่อไปนี้ไม่ต้องไปหาซื้อน้ำจิ้มสลัดโรลแล้ว แค่เข้ามาจด 6 เมนูน้ำจิ้มสลัดโรลเหล่านี้ก็พอ ชอบสูตรไหนก็ไปช้อปปิ้งส่วนผสมกันเลยค่ะ 

กวาวเครือ : สมุนไพรเพิ่มมูลค่าปลานิล


                  สมุนไพรกวาวเครือเป็นพืชที่มีลำต้นเป็นเถาเลื้อย สารออกฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจน โดยเป็นไฟโตเอสโตรเจน ชนิด miroestrol และ puerarin กวาวเครือขาวสามารถนำมาใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์น้ำได้ทุกส่วน คือ หัว ใบ และเถา
  
    การนำกวาวเครือขาวซึ่งมีสาร phytoestrogen ที่มีผลต่อระบบสืบพันธุ์ และการสร้างกล้ามเนื้อมาใช้ในอาหารสัตว์น้ำมุ่งเน้นในการเพิ่มผลผลิต และคุณภาพสัตว์น้ำ เช่น ในปลาสลิดการใช้กวาวเครือขาวเพื่อเพิ่มการสร้างไข่ของปลาเพศเมีย แต่ในปลานิลใช้กวาวเครือขาวเพื่อลดการสร้างไข่ และลดจำนวนลูกของปลา และมีผลต่อการเพิ่มขึ้นของเปอร์เซ็นต์เนื้อ
    ในส่วนของหัว เถา และใบกวาวเครือขาวมีระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ระดับแตกต่างกันดังนี้ คือ ในหัวกวาวเครือขาวมีระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนเท่ากับ 4000 พิโคกรัม/กรัม เถามีเอสโตรเจน 190000 พิโคกรัม/กรัม และในใบมีเอสโตรเจน 1700000 พิโคกรัม/กรัม
    การใช้กวาวเครือขาวในสูตรอาหารปลาสลิดระยะเล็กอายุมากกว่า 1 เดือน ที่ระดับ 0.0003% หรือ1-40 กรัม ปลาป่น 55 กก. น้ำมันปลา 6 กก. สารเหนียว 8 กก. รำละเอียด 19 กก. วีทกลูเต้นท์ 10 กก. วิตามิน 2 กก. ทำให้รังไข่ของปลาสลิดมีการพัฒนาดีขึ้น
    การใช้กวาวเครือขาวในอาหารสัตว์น้ำยังมีข้อจำกัดในเรื่องของสารพิษคือ butannin ทำให้เกิดอาการมึนเมา เซื่องซึม และมีผลต่อเนื้อเยื่อตับ ต่อมหมวกไต และ เซลล์เม็ดเลือดแดงในสัตว์เลือดอุ่น แต่ในปลาหรือสัตว์น้ำที่มีการใช้กวาวเครือขาวเป็นวัตถุดิบอาหาร ยังไม่มีผลรายงานถึงความเป็นพิษในตัวสัตว์น้ำ

ขั้นตอนในการผลิตอาหารปลาจากสมุนไพรกวาวเครือขาว
     จากผลการทดลองให้อาหารผสมกวาวเครือขาวปลานิลเป็นเวลา 90 วัน พบว่า อัตราการเจริญเติบโตของปลาที่ได้รับใบ เถา และหัว กวาวเครือขาวมีค่าไม่แตกต่างกัน ทั้งในปลาเพศผู้ และเพศเมีย แต่ในปลาเพศเมียมีแนวโน้มว่าเปอร์เซ็นต์เนื้อส่วนบริโภคได้ มีค่าสูงกว่ากลุ่มควบคุม และมีค่าใกล้เคียงกับปลาเพศผู้ จำนวนลูกปลาในปลาที่เสริมกวาวเครือขาวมีค่อนข้างน้อยกว่ากลุ่มควบคุม ในปลาเพศผู้พบว่ากวาวเครือขาวมีผลต่อการลดลงของขนาดอวัยวะสืบพันธุ์

สายลมแห่งการให้อภัย


สายลมแห่งการให้อภัยและก้อนหินแห่งความทรงจำ


      มีคน 2 คนเป็นเพื่อนรักกันมาก ร่วมเดินทางไปในทะเลทราย… ระหว่างทาง เกิดมีปากเสียงกันรุนแรงทะเลาะกัน เพื่อนคนหนึ่งระงับอารมณ์ไม่อยู่…ตบหน้าอีกฝ่าย เพื่อนที่ถูกทำร้าย….เจ็บปวด…แต่ไม่เอ่ยวาจา… กลับเขียนข้อความลงบนผืนทรายว่า “วันนี้…ฉันถูกเพื่อนรักตบหน้า”

พวกเขายังคงเดินทางต่อไป…จนกระทั่งถึงแหล่งน้ำ พวกเขาก็อาบน้ำ….เพื่อนคนที่เคยถูกตบหน้า ได้พลัดตกแหล่งน้ำ จมน้ำ เพื่อนอีกคนไม่รอช้า รีบลงไปช่วยทันที คนรอดตาย…ยังคงไม่เอ่ยวาจา…กลับสลักข้อความลงไปบนก้อนหินใหญ่…“วันนี้…เพื่อนรักช่วยชีวิตฉันไว้”
อีกคนไม่เข้าใจ…เลยถามว่า “เมื่อเธอถูกฉันตบหน้า เธอเขียนเรื่องราวลงพื้นทราย แล้วเรื่องที่ฉันได้ช่วยเธอจากการจมน้ำ ทำไมจึงต้องสลักบนก้อนหิน”
อีกคนยิ้มพราย…กล่าวตอบ
เมื่อถูกคนที่รักทำร้าย…เราควรเขียนมันไว้บนพื้นทราย ซึ่ง “สายลมแห่งการให้อภัย” จะทำหน้าที่พัดผ่าน ลบล้างไม่เหลือ”
แต่เมื่อมีสิ่งที่ดีมากมายเกิดขึ้น เราควรสลักไว้บน “ก้อนหินแห่งความทรงจำในหัวใจ” ซึ่งต่อให้มีสายลมพัดแรงเพียงใด ก็ไม่อาจ ลบล้าง ทำลาย

ที่มา : สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์ 
ระวัง 5 กลุ่มโรค ช่วงหน้าฝน thaihealth
แฟ้มภาพ
กรมควบคุมโรค เตือนช่วงฤดูฝนควรระวัง 5 กลุ่มโรค โดยเฉพาะกลุ่มโรคติดเชื้อทางระบบหายใจ หลังพบผู้ป่วยกว่า 1.3 แสนราย
นางสาวกัญญรัตน์ เกียรติสุภา ประชาสัมพันธ์จังหวัดสมุทรปราการ ได้รับแจ้งจากกรมควบคุมโรคว่าช่วงฝนตกอากาศจะมีความชื้นสูงเอื้อต่อการเจริญเติบโตของเชื้อโรค เป็นสาเหตุเกิดโรคหลายชนิดและสามารถแพร่ระบาดได้ง่ายและรวดเร็ว จึงขอเตือนประชาชนให้ระมัดระวังการเจ็บป่วย ตามประกาศกรมควบคุมโรค เรื่อง การป้องกันโรคและภัยสุขภาพที่เกิดในช่วงฤดูฝน แบ่งเป็น 5 กลุ่ม ประกอบด้วย 1.โรคติดเชื้อทางระบบหายใจ ได้แก่ โรคไข้หวัดใหญ่และโรคปอดบวม 2.โรคติดต่อที่มียุงเป็นพาหะ ได้แก่ โรคไข้เลือดออก โรคไข้สมองอักเสบ โรคมาลาเรีย โรคไข้ปวดข้อยุงลายหรือโรคชิคุนกุนยา และโรคติดเชื้อไวรัสซิกา3.โรคติดต่อทางอาหารและน้ำ ได้แก่ โรคอหิวาตกโรคและโรคไวรัสตับอักเสบ เอ 4.โรคติดต่ออื่น ๆ ได้แก่ โรคมือ เท้า ปาก และโรคเลปโตสไปโรสิส 5.ภัยสุขภาพอื่น ๆ ที่ต้องเฝ้าระวัง ได้แก่ อันตรายจากสัตว์มีพิษ ภัยจากฟ้าผ่า และภัยจากอุบัติเหตุทางถนน
จากข้อมูลจากระบบเฝ้าระวังโรคของสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ตั้งแต่ต้นปี 2559 โรคที่พบมากสุด อันดับ 1 ได้แก่ โรคปอดบวม พบผู้ป่วย 84,422 ราย เสียชีวิต 128 ราย รองลงมา คือ โรคไข้หวัดใหญ่ พบผู้ป่วย 48,928 ราย เสียชีวิต 3 ราย และโรคไข้เลือดออก พบผู้ป่วย 17,614 ราย เสียชีวิต 16 ราย